เมื่อกล่าวถึงเต็นท์ หลายคนอาจยึกถึงแต่อุปกรณ์ค้างแรมกลางแจ้งเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเต็นท์สามารถทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลายมากกว่าการนอนพักกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ รวมถึงการนำมาใช้เป็น เต็นท์ขายของ นั่นเอง

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/วัยกลางคน-เต็นท์-เหตุการณ์-2111885/
ข้อแตกต่างระหว่าง เต็นท์ขายของ และเต็นท์สำหรับค้างแรม
- ขนาดของเต็นท์ เนื่องจากวัตถุประสงค์การใข้งานที่แตกต่างกันจึงส่งผลให้ขนาดของเต็นท์ทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเต็นท์สำหรับขายของมักมีความสูงอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อให้เพียงพอกับการยืนเพื่อจำหน่ายสินค้า ส่วนเต็นท์สำหรับค้างแรมส่วนมากมักมีความสูงไม่เกิย 1.5 เมตร เพราะกิจกรรมในเต็นท์มักเป็นการค้างแรมในป่าเท่านั้น
- วิธีการติดตั้ง เนื่องจากลักษณะทางโครงสร้างของเต็นท์ทั้ง 2 ประเภทแตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการในการขึ้นรูปจึงแตกต่างกันตามไปด้วย โดยเต็นท์สำหรับขายของจะมีรูปแบบการติดตั้ง 2 แบบคือแบบพับ และแบบประกอบโครงสร้าง ขึ้นกับความแข็งแรงทางโครงสร้างและความสะดวกในการใช้งานที่ผู้ใช้งานต้องการ ส่วนเต็นท์สำหรับพักแรมเพื่อให้ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศกลางแจ้ง การติดตั้งมักต้องทำร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อย่างสมอบก เชือกผู้เต็นท์ ผ้าใบรองเต็นท์ เป็นต้น
- ความสวยงามของเต็นท์ ความสวยงามของเต็นท์สำหรับพักแรมมักถูกออกแบบเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน แต่กรณีของเต็นท์ขายของจะออกแบบมาเพื่อให้เกิดความโดดเด่นสะดุดตา ดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้า และหลายครั้งที่สีของเต็นท์สำหรับขายของจะต้องถูกควบคุมให้เข้ากบั Theme ของงานแสดงสินค้าอีกด้วย

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/บาร์บีคิว-สวน-เต็นท์-5034615/
เทคนิคการเลือกเต็นท์ขายของ
- รูปแบบของงานที่ต้องการใช้งาน แม้ว่าเต็นท์สำหรับขายของจะถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานกลางแจ้ง แต่รายละเอียดพื้นที่การจัดงานของแต่ละสถานที่ก็ยังคงมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นพื้นจัดวางเต็นท์ระหว่างพื้นปูน และพื้นสนามหญ้า เป็นต้น หรือ Theme การจัดงานที่ต้องการ รวมถึงช่วงเวลาของการจัดงาน เพื่อให้เลือกรูปแบบของเต็นท์ได้ตรงตามการใช้งานที่มากที่สุด
- ขนาดของพื้นที่จัดงาน ขนาดพื้นที่จัดงานคือองค์ประกอบสำคัญในการเลือกขนาดของเต็นท์ให้เพียงพอเหมาะสมกับพื้นที่ ป้องกันไม่ให้เกิดการรุกล้ำไปยังพื้นที่ของคนอื่น หรือทางเดินภายในงาน ขนาดของพื้นขายสินค้ามีทั้งแบบจตุจัสที่มีขนาดตั้งแต่ 1.5 x 1.5 เมตร ไปจนถึง 3 x3 เมตร และแบบพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาด 2 x 3 เมตร หรือ 3 x 4 เมตร ซึ่งผู้สนใจควรสอบถามขนาดพื้นที่ให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเต็นท์ให้เหมาะสม
- ผ้าใบของเต็นท์ ประเภทของผ้าใบคือองค์ประกอบที่ส่งผลต่อความแข็งแรงและราคาของเต็นท์ โดยทั่วไปจะแสดงเป็นตัวเลข ดังนี้ 6 0 0 D 8 0 0 D หรือ 9 0 0 D ตัวเลขเหล่านี้แสดงถึงจำนวนของเส้นด้ายที่นำมาทำเป็นผ้าเต็นท์ ยิ่งมีตัวเลขมากก็ยิ่วแสดวส่าใช้เส้นด้ายมากเท่านั้น เส้นด้ายยิ่งมากเต็นท์ก็จะมีความทนทานต่อการดึง
หรือขาดยากมากขึ้นเท่านั้น เช่นผ้าเกรด 8 0 0 D แสดงว่าในหนึ่งตารางนิ้ว มีเส้นด้ายทักประสานกันอยู่ 800 เส้น นอกจากจำนวนเส้นด้ายแล้ว ยังมีผ้าใบแบบเคลือบยาง P V C บริเวณด้านในเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านได้หรือไม่ โดยพิจารณาว่าตำแหน่งของเต็นท์อยู่ภายในร่ม หรือกลางแจ้งเป็นสำคัญ หากบริเวณดังกล่าวมีแดดแรงอาจพิจารณาเพื่มเกรดผ้าใบที่มีการเคลือบยางเพิ่มเติม เพื่อยืดอายุการใช้งานของผ้าใบเต็นท์ให้ยาวนานมากขึ้น
หรือผ้าใบเกรด CH ที่มีการเคลือบยางทั้ง 2 ด้าน จนแสงแดดไม่สามารถทะลุผ่านมาได้ เป็นต้น - ประเภทของ เต็นท์ขายของ สามารถแบ่งออกเป็นเต๊นท์พับ เป็นเต็นท์ที่สามารถพับเก็บหรือกางออกได้ง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก เพราะน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่มักไม่แข็งแรงทนทาน หากใช้งานในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองอาจไม่ทนทานต่อลมที่พัดแรงได้ อีกประเภทหนึ่งคือเต๊นท์ประกอบ โครงสร้างของเต็นท์มักทำมาจากเหล็กกัลวาไนซ์ หรือท่อประปากันสนิม มีหลายรูปแบบให้เลือกทั้งทรงปิรามิด ทรงปั้นหยา ทรงจั่ว ทรงโค้ง และทรงฟูจิ มีข้อดีที่ความแข็งแรงทนทาน เมื่อประกอบแล้วสามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เสียรูปทรง แต่ข้อเสียคือน้ำหนักมาก เวลาประกอบหรือถอดเก็บมักใช้เวลานาน และเคลื่อนย้ายได้ลำบาก
- โครงสร้างของเต็นท์ ประเภทของเต็นท์ขายของแต่ละประเภทยังมีโครงสร้างของเต็นท์ที่แตกต่างกัน
และเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เต็นท์สำหรับขายของมีความแข็งแรง ทนลม ทนลมทนฝนได้ดี ซึ่งโครงสร้างของเต็นท์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดก็มีหลายประเภท ได้แก่เหล็ก Pipe แบบกล่องเหลี่ยม มักใช้บริเวณโครงร่ม หรือโครงของเต็นท์ มีน้ำหนักเบา ราคาถูก แต่อาจมักมีอาจุการใช้งานไม่ยาวนานนัก เหล็กท่อดำ มีลักษณะเป็นท่อกลม ไม่มีเกลียว ค่อนข้างหนา จึงแข็งแรง แต่ราคาจะไม่สูงมากนัก เหล็กท่อแป๊ปประปา มักนำมาซุบซิงค์ก่อนใช้งานเพื่อป้องกันการเกิดสนิม หรือหากเป็นโครงสร้างที่มีราคาถูกมาก ตัวโครงสร้างอาจทำมาจากอลูมิเนียม หรือท่อประปา PVC ก็ได้

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/ผู้คน-ฝูงชน-ผู้ชาย-สาวๆ-คอนเสิร์ต-2604665/
ดังนั้นเทคนิคการเลือก เต็นท์ขายของ ที่ดีคือการพิจารณารูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม สภาพพื้นที่ที่ต้องการใช้เต็นท์ และความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายเต็นท์เป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถเลือกเต็นท์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุ้มค่ากับราคาและระยะเวลาที่ต้องการใช้งานได้เป็นอย่างดี และเมื่อเลือกเต็นท์สำหรับขายของได้แล้ว ควรพิจารณาตกแต่งบริเวณจัดวางสินค้าให้น่ามอง สร้างโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่จัดวางได้มากขึ้นอีกด้วย UFABET